มารู้จัก GAP กันเถอะ ^^

กระทู้สนทนา
สวัสดีค่าาา เป็นไงกันบ้างคะ วันนี้เขียวสดใสเลย ช่วงที่ SET ลงมาจากยอด (ดอย) 1,650 จุดมาแถวๆ 1,340-1,350 นั้น มีสิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นกับ SET และหุ้นในตลาดอยู่บ่อยครั้งนั่นก็คือ GAP นักลงทุนมือใหม่หลายท่านอาจจะยังไม่ทราบแน่ชัดว่า GAP คืออะไร (งงจุงเบย) ไม่ทราบไม่เป็นไรค่ะวันนี้ นำบทความของ www.investmentory.com เกี่ยวกับ GAP มาฝาก (กันอีกเช่นเคย) สำหรับใครที่ทราบแล้วจะอ่านเพื่อทบทวนก็ได้นะค๊าาาา ^______^ ไปดูกันเลยค่ะ
....................................................................................................................................................................................
ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับ GAP กันก่อน

    GAP ก็คือ บริเวณของราคาในกราฟที่ไม่ได้นำมาเทรด (และจะเกิดเป็นช่องว่างให้เห็นในกราฟ (ตามภาพด้านล่าง) โดยทั่วไปนั้นจะเกิดขึ้นกับราคาปิดและราคาเปิดของวันถัดไปในตลาด ซึ่งปัจจัยหนึ่งของการเกิด Gap มีสาเหตุมาจากการประกาศตัวเลขผลประกอบการหลังจากที่ตลาดปิดไปแล้ว หากผลประกอบการนั้นสูงกว่าผลประกอบการที่ตลาดได้คาดการณ์เอาไว้อย่างมีนัยสำคัญ (((( ((((((หรือ ผลประกอบการดีเกินคาด ในวันถัดมานักลงทุนจะตั้งราคาซื้อให้สูงขึ้นจากราคาปิดวันก่อนทำให้ช่วงราคาที่ขาดหายไป หมายความว่าเกิด Gap ขึ้นนั่นเอง Gap นั้นใช้เป็นหลักฐานหรือข้อพิสูจน์ว่าต้องมีปัจจัยสำคัญบางอย่างส่งผลต่อกับปัจจัยพื้นฐาน หรือ จิตวิทยาการลงทุน ที่มาพร้อมกับกับนักลงทุนที่เข้ามาลงทุนในตลาด (หรือในหุ้น)  

ทีนี้เราก็รู้กันแล้วนะครับว่า GAP มีรูปร่างหน้าตาเป็นอย่างไร ต่อมาเราจะมาดูกันว่าแล้ว GAP เนี่ยโดยทั่วไปนั้นมีด้วยกันกี่แบบ

โดยทั่วไปนั้น GAP จะมีอยู่ด้วยกัน 4 แบบ ได้แก่


1. Common Gap : เป็น Gap ที่เห็นได้ตามปกติ โดยทั่วไปมักจะเกิดก่อนการประกาศจ่ายปันผล และปริมาณการซื้อขายเบาบาง ซึ่ง Gap ประเภทนี้เมื่อเกิดขึ้นแล้ว ภายในไม่กี่วัน หรือ ไม่กี่สัปดาห์ก็จะถูก “ปิด Gap” ดังกล่าว ดังภาพ


2. Breakaway Gap : Gap ประเภทนี้จะเกิดบริเวณแนวรับ และ แนวต้าน

Breakaway Gap ขาลง : สังเกตได้จากแท่งเทียนวันถัดไปนั้นเปิดกระโดดลงหลุดแนวรับลงมา แล้วไม่มีการปิด Gap เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้น พร้อมกับปริมาณการซื้อขาย (Volume) ที่เพิ่มมากขึ้

Breakaway Gap ขาขึ้น : สังเกตได้จากแท่งเทียนวันถัดไปนั้นเปิดกระโดดทะลุแนวต้านขึ้นไป แล้วไม่มีการปิด Gap เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้น พร้อมกับปริมาณการซื้อขาย (Volume) ที่เพิ่มมากขึ้น

3. Runaway Gap : Runaway Gap นั้นจะเกิดตามแนวโน้มของตลาด (หรือหุ้น) ที่มันเคลื่อนที่

Runaway Gap เกิดขึ้นกับแนวโน้มขาลง ยืนยันด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มมากขึ้นเมื่อเกิด Gap

Runaway Gap เกิดขึ้นกับแนวโน้มขาขึ้น ยืนยันด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มมากขึ้นเมื่อเกิด Gap

4. Exhausting Gap : มักจะเกิดขึ้นใกล้ๆ กับการเกิดการเปลี่ยนแนวโน้มทั้งขาขึ้น และ ขาลง
ลักษณะคือ ในแนวโน้มขาขึ้นจะเกิดคล้ายกับ Runaway Gap แต่จะมีการปิด Gap อย่างรวดเร็ว และ ปริมาณการซื้อขายที่สูงมาก พร้อมกับราคาที่ลดลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งแสดงถึงการเปลี่ยนแนวโน้มจากขาขึ้นเป็นขาลง ในทิศทางขาลงจะเกิดขึ้นเหมือนกันแต่กลับทิศกัน

Exhausting Gap ในแนวโน้มขาขึ้น ยืนยันด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง และเกิดรูปแบบการกลับตัวแนวโน้มระยะสั้นของแท่งเทียนในรูปแบบ Shooting Star

Exhausting Gap ในแนวโน้มขาลง ยืนยันด้วยปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มสูงขึ้นเกิดการปิด Gap อย่างรวดเร็วและแท่งเทียนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วด้วยเช่นกัน

จบแล้วค่ะ หวังว่าคงจะเป็นประโยชน์กับนักลงทุนทุกท่านกันบ้างนะคะ ^____________^
Credit บทความ : Admin Investmentory
เผยแพร่โดย : Admin แมวกลม
ปล.ผิดพลาดประการใด ขออภัยและให้คำชี้แนะกันได้นะคะ ขอให้ทุกท่านโชคดีในการลงทุนค่าาาาา
เม่าดี๊ด๊าเม่าดี๊ด๊า
...............................................................................................................................................................................
ร่วมพูดคุยกับเราได้ที่ Facebook :https://www.facebook.com/I2invest

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่